ไถ่ถอนขายฝากไม่ทัน ทำยังไงดี? มีทางออกไหม
การขายฝากที่ดินหรือทรัพย์สินอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีหาเงินก้อนที่หลายคนเลือกใช้ เพราะได้เงินเร็วและถูกต้องตามกฎหมาย แต่ข้อเสียสำคัญคือ หากถึงเวลาต้องไถ่ถอนแล้วหาเงินไม่ทัน อาจสูญเสียทรัพย์สินไปตลอดกาล หลายคนจึงเกิดคำถามว่า “ถ้าไถ่ถอนไม่ทันจริง ๆ จะทำอย่างไร?” บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดถึงความหมาย ผลกระทบ ทางออกที่พอเป็นไปได้ รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้เจอปัญหานี้
ไถ่ถอนขายฝากไม่ทัน หมายถึงอะไร
สัญญาขายฝากคือการที่เจ้าของทรัพย์โอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้รับซื้อฝาก แต่มีเงื่อนไขว่าสามารถไถ่ถอนคืนได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
- อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน อาคารพาณิชย์ สามารถทำสัญญาได้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี
- สังหาริมทรัพย์ เช่น รถยนต์ เครื่องจักร ทำสัญญาได้สูงสุดไม่เกิน 3 ปี
หากครบกำหนดสัญญาแล้วผู้ขายฝากไม่สามารถนำเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยมาไถ่ถอนได้ทันเวลา และไม่ได้ทำสัญญาต่ออายุ สิทธิในการไถ่ถอนจะหมดลงทันที
ตัวอย่างสถานการณ์
นาย ก ขายฝากที่ดินมูลค่า 3 ล้านบาท ได้เงินมา 1.5 ล้านบาท กำหนดสัญญา 3 ปี แต่เมื่อครบกำหนดกลับหาเงินคืนไม่ได้ ถ้าไม่สามารถเจรจาหรือทำสัญญาใหม่ได้ทันเวลา ที่ดินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากในทันที แม้มูลค่าตลาดจะสูงถึง 3 ล้านบาทก็ตาม
ผลที่ตามมาเมื่อไถ่ถอนไม่ทัน
การไถ่ถอนไม่ทันส่งผลเสียอย่างมากต่อผู้ขายฝาก เพราะหมายถึงการสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือทรัพย์สินโดยถาวร ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- สูญเสียกรรมสิทธิ์ทันที
เมื่อเลยกำหนดสัญญาไปแล้ว กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากโดยสมบูรณ์ เจ้าของเดิมไม่มีสิทธิ์ใด ๆ เหลืออยู่
- ไม่สามารถเรียกร้องหรือฟ้องร้องได้
กฎหมายกำหนดชัดเจน หากไม่ไถ่ถอนตามกำหนด จะหมดสิทธิ์ทันที การฟ้องร้องเพื่อขอทรัพย์คืนจึงไม่มีผล
- สูญเสียมูลค่าทรัพย์สินมหาศาล
บ่อยครั้งที่วงเงินขายฝากต่ำกว่ามูลค่าตลาดจริงมาก เช่น ได้เงินมา 1 ล้านบาท แต่ที่ดินมีมูลค่า 4-5 ล้านบาท หากไถ่ถอนไม่ทันก็เสียส่วนต่างไปหลายล้าน
- เสียโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต
ที่ดินหลายแปลงมีโอกาสเติบโต เช่น อยู่ในทำเลที่กำลังมีโครงการพัฒนา หากเสียกรรมสิทธิ์ไปก็เท่ากับเสียโอกาสสร้างรายได้หรือเก็งกำไรในอนาคต
ยังพอมีทางออกอยู่ไหม?
แม้สถานการณ์จะตึงเครียด แต่หากยังไม่ถึงวันครบกำหนดสัญญา ยังมีทางเลือกที่สามารถทำได้
- เจรจากับผู้รับซื้อฝาก
- ขอเลื่อนหรือยืดเวลาไถ่ถอนออกไป
- ทำสัญญาใหม่โดยยอมชำระดอกเบี้ยเพิ่ม
- เหมาะกับผู้ที่ยังพอมีเงินหมุนเข้ามาในอนาคตอันใกล้
- หาแหล่งเงินก้อนใหม่
- กู้จากธนาคาร สหกรณ์ หรือผู้ลงทุนรายใหม่
- แม้อาจมีเงื่อนไขและดอกเบี้ยที่แตกต่าง แต่ช่วยให้รักษาทรัพย์ไว้ได้
- ขายฝากใหม่กับผู้ลงทุนรายอื่น
- ใช้เงินจากสัญญาใหม่ไปไถ่ถอนสัญญาเดิม
- เปรียบเหมือนการรีไฟแนนซ์ เพื่อยืดเวลาถือครอง
- หาพันธมิตรหรือนักลงทุนร่วม
- ให้ญาติหรือผู้ร่วมลงทุนเข้ามาช่วยลงทุน
- อาจแบ่งผลประโยชน์ในอนาคตแทนการเสียกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
ตัวเลือกที่ควรพิจารณาแทนการปล่อยให้หมดสิทธิ์
หากเห็นแล้วว่าไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้จริง ๆ ก็ควรเลือกแนวทางที่เสียหายน้อยที่สุดแทนการปล่อยให้ทรัพย์หายไปฟรี ๆ
- จำนองแทนขายฝาก
แม้จะได้เงินน้อยกว่า แต่เจ้าของยังเป็นผู้ครองกรรมสิทธิ์ หากผิดนัดชำระ ธนาคารหรือเจ้าหนี้จะต้องฟ้องร้องบังคับจำนอง ไม่ได้เสียสิทธิ์ทันทีเหมือนขายฝาก
- ขายขาดทันที
หากมั่นใจว่าไม่สามารถหาเงินไถ่ถอนได้แน่นอน การขายขาดจะทำให้ได้เงินมากกว่าการปล่อยให้หมดสิทธิ์ เพราะยังสามารถตั้งราคาขายใกล้เคียงราคาตลาดได้
- หาผู้ร่วมลงทุน
ให้ญาติ เพื่อน หรือคู่ค้าทางธุรกิจเข้ามาถือหุ้นในที่ดิน เพื่อช่วยชำระหนี้แทน แล้วแบ่งปันผลกำไรในอนาคต
ตัวอย่างสถานการณ์
คุณ ข ขายฝากที่ดินได้เงินมา 2 ล้านบาท แต่ใกล้ครบกำหนดแล้วยังหาเงินคืนไม่ได้ หากปล่อยหมดสิทธิ์จะเสียที่ดินไปฟรี ๆ มูลค่า 5 ล้านบาท แต่ถ้าเลือกขายขาด อาจได้เงินกลับมา 4-4.5 ล้านบาท ซึ่งแม้จะเสียกรรมสิทธิ์ แต่ยังได้ผลตอบแทนมากกว่าปล่อยให้หมดสิทธิ์
วิธีป้องกันไม่ให้ไถ่ถอนไม่ทัน
เพื่อไม่ให้เจอปัญหาใหญ่ในอนาคต การวางแผนล่วงหน้าคือสิ่งสำคัญที่สุด
- ประเมินความสามารถทางการเงินก่อนเซ็นสัญญา
อย่าตัดสินใจขายฝากเพียงเพราะต้องการเงินด่วน ต้องมั่นใจว่าจะหาเงินมาไถ่ถอนได้จริง
- กำหนดสัญญาให้ยาวที่สุด
เลือกระยะเวลาสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต (ไม่เกิน 10 ปีสำหรับอสังหาริมทรัพย์) เพื่อเพิ่มเวลาในการหาเงิน
- เจรจาเรื่องการต่ออายุสัญญาตั้งแต่ต้น
แม้กฎหมายจะไม่บังคับ แต่หากมีเงื่อนไขในสัญญา ก็จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นได้
- วางแผนการเงินล่วงหน้า
จัดการหนี้สินหรือรายได้เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับไถ่ถอน ไม่ควรรอใกล้ครบกำหนด
- เตรียมแผนสำรอง
เช่น เตรียมช่องทางกู้เงินหรือมีนักลงทุนเครือข่ายที่สามารถช่วยได้ในยามฉุกเฉิน
ตารางเปรียบเทียบทางเลือกเมื่อใกล้ครบกำหนดไถ่ถอน

การวางแผนคือกุญแจสำคัญ
การไถ่ถอนขายฝากไม่ทันคือความเสี่ยงที่ทำให้เจ้าของทรัพย์เสียกรรมสิทธิ์โดยสิ้นเชิง แม้จะมีทางออกบ้าง เช่น เจรจาหรือหาทุนใหม่ แต่ทั้งหมดต้องทำก่อนครบกำหนดเท่านั้น หากปล่อยให้เลยเวลา สิทธิ์จะหมดไปโดยไม่สามารถแก้ไขได้
หากใครคิดจะทำสัญญาขายฝาก ควรเตรียมพร้อมเรื่องการเงิน วางแผนไถ่ถอนตั้งแต่แรก และมีแผนสำรองไว้เสมอ เพราะการรักษาทรัพย์สินไว้ได้ย่อมดีกว่าปล่อยให้สูญเสียไปฟรี ๆ
มีช่องทางติดต่อ
• LINE ID: @maneemoney
• เว็บไซต์: มานี มันนี่
• อีเมล: info@manee.co.th
หรือโทรติดต่อสอบถามที่เบอร์: 083-918-3911