maneemoney 15th 09 2025
maneemoney adminManee maneemoney 79 Views
แชร์ไปยัง:
maneemoney
maneemoney
maneemoney
maneemoney

ขายฝากแบบไม่โอนจริงหรือ? เข้าใจให้ถูกก่อนตัดสินใจก่อนเสียสิทธิ์

ในยุคที่หลายคนมองหาทางออกเรื่องเงินด่วน คำว่า “ขายฝาก” กลายเป็นสิ่งที่ได้ยินบ่อยมาก บางครั้งอาจเจอโฆษณาชวนเชื่อว่า “ขายฝากแต่ไม่ต้องโอน” หรือ “ขายฝากแบบไม่โอนชื่อ” ซึ่งฟังดูเหมือนจะปลอดภัยสำหรับเจ้าของที่ดินหรือบ้าน เพราะเชื่อว่ากรรมสิทธิ์ยังคงอยู่กับตัวเอง แต่ในความจริงแล้ว การขายฝากที่แท้จริงตามกฎหมาย ต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียนที่ดินเสมอ หากไม่ทำตามขั้นตอนนี้ อาจทำให้สัญญาไม่มีผลตามกฎหมาย และกลายเป็นการเสียสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว
 

1. ขายฝากคืออะไร? และทำไมต้องโอนกรรมสิทธิ์

ขายฝาก คือสัญญาซื้อขายรูปแบบหนึ่งที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 กำหนดไว้ โดยมีเงื่อนไขว่า “ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินคืนภายในเวลาที่กำหนด” เช่น 1 ปี 3 ปี หรือสูงสุดไม่เกิน 10 ปี (ในกรณีอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน คอนโด)

ความสำคัญคือ เมื่อมีการทำสัญญาขายฝาก กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะถูกโอนให้ผู้ซื้อฝากทันที ไม่ใช่ยังคงอยู่กับผู้ขายเหมือนการจำนอง แต่ผู้ขายยังมีสิทธิที่จะไถ่ถอนคืนได้หากชำระเงินตามที่ตกลงไว้ภายในกำหนดเวลา

ตัวอย่างเข้าใจง่าย:
สมมติคุณนำที่ดินไปขายฝากกับผู้ซื้อฝากเป็นเงิน 1 ล้านบาท กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะถูกโอนชื่อไปที่ผู้ซื้อฝากทันที แต่คุณยังมีสิทธิไถ่ถอนคืนภายในเวลาที่กำหนด เช่น 3 ปี หากคุณคืนเงิน 1 ล้านบาทพร้อมเงื่อนไขอื่นๆ ที่ตกลงกันไว้

 จะเห็นว่า “โอนกรรมสิทธิ์” คือหัวใจสำคัญของสัญญาขายฝาก หากไม่มีการโอน ก็ไม่ถือว่าเป็นขายฝาก
 

2. “ขายฝากแบบไม่โอน” คืออะไร และทำไมถึงเกิดขึ้น

คำว่า “ขายฝากไม่โอน” มักไม่ได้เกิดจากกฎหมายรองรับ แต่เกิดจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่

  1. ความเข้าใจผิดของเจ้าของทรัพย์
    บางคนเข้าใจผิดว่า ถ้าโอนชื่อแล้วจะเสียสิทธิ์ทันที จึงคิดว่ามีวิธีทำขายฝากโดยไม่ต้องโอน แต่ความจริงคือ ขายฝากที่ไม่โอนไม่ได้รับการคุ้มครอง
  2. การทำสัญญาแฝง
    ในหลายกรณีสิ่งที่เรียกว่า “ขายฝากไม่โอน” แท้จริงแล้วเป็น สัญญากู้ยืมเงิน ที่ทำขึ้นเองระหว่างคู่สัญญา โดยใช้คำว่าขายฝากเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
  3. การโฆษณาหรือกลยุทธ์ทางการตลาด
    ผู้ให้กู้บางรายอาจใช้คำนี้เพื่อทำให้เจ้าของทรัพย์รู้สึกอุ่นใจ เช่น “ไม่ต้องโอนชื่อก็ได้เงิน” แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียน สัญญาก็ไม่ใช่ขายฝากตามกฎหมาย

     

3. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับขายฝาก

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดเงื่อนไขไว้ชัดเจน เช่น

ข้อสรุป: หากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์และไม่จดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน จะไม่ถือว่าเป็นการขายฝาก แต่เป็นสัญญาอื่นที่ไม่คุ้มครองตามกฎหมาย
 

4. ความเสี่ยงของ “ขายฝากไม่โอน”

การทำธุรกรรมในลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูง ได้แก่

5. ทำไมยังมีคนเลือก “ขายฝากไม่โอน”

ถึงแม้กฎหมายจะไม่รับรอง แต่ก็ยังพบว่ามีการทำสัญญาในลักษณะนี้ เพราะหลายคนมีความกังวล เช่น

แต่ความจริงแล้ว วิธีนี้กลับทำให้เสี่ยงมากกว่าเดิม เพราะหากเกิดข้อพิพาทขึ้น จะไม่สามารถอ้างสิทธิตามกฎหมายได้เลย
 

6. ทางเลือกที่ปลอดภัยแทนการทำ “ขายฝากไม่โอน”

สำหรับเจ้าของทรัพย์สินที่ต้องการเงินด่วน แต่กังวลเรื่องการขายฝากและไม่อยากเสี่ยงเสียสิทธิ์ ยังมีทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า เช่น

  1. จำนองกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน
    • เจ้าของยังคงถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
    • ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
    • อัตราดอกเบี้ยมักชัดเจนและต่ำกว่าตลาดนอกระบบ
  2. กู้เงินโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
    • ทำสัญญาเป็นทางการ
    • ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้และเครดิตเพียงพอ
  3. ขายฝากแบบถูกต้องตามกฎหมาย
    • หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำขายฝาก ควรจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินให้ถูกต้อง
    • ระบุเงื่อนไขไถ่ถอนชัดเจน เช่น ระยะเวลา จำนวนเงิน และวิธีการชำระ
  4. ทำสัญญากู้ยืมที่โปร่งใส
    • ถ้าเป็นการตกลงระหว่างบุคคล ควรทำเป็นสัญญากู้ ไม่ควรใช้คำว่าขายฝาก เพราะอาจทำให้เข้าใจผิดและเสี่ยงต่อการฟ้องร้อง
       

                                       ตารางเปรียบเทียบ “ขายฝากที่ถูกต้อง” vs “ขายฝากไม่โอน”

 

Tags:

บทความที่เกี่ยวข้อง

สงวนลิขสิทธ์ พ.ศ.2567 บริษัท มานีมันนี่จำกัด
นโยบายความเป็นส่วนตัว ข้อตกลงการใช้บริการ