หลายคนที่มีที่ดินแปลงเล็ก ไม่ว่าจะเป็นแปลงย่อยในหมู่บ้านจัดสรร แปลงที่ได้มาจากการแบ่งมรดก หรือที่ดินสวนในชุมชน มักสงสัยว่า สามารถนำไปขายฝากได้หรือไม่ เพราะที่ดินแปลงเล็กอาจมีมูลค่าไม่สูงเท่าที่ดินใหญ่ บทความนี้จะพาไปรู้จักทั้งข้อเท็จจริง ข้อจำกัด และเทคนิคเพื่อให้ขายฝากได้คุ้มค่ามากที่สุด
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 กำหนดว่าการขายฝากคือการซื้อขายที่มีเงื่อนไขให้ผู้ขายสามารถไถ่คืนทรัพย์ได้ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งหมายความว่า "ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเล็กหรือใหญ่ หากมีเอกสารสิทธิ์ชัดเจน เช่น โฉนดหรือ น.ส.4 จ. ก็สามารถขายฝากได้ทั้งหมด"
ดังนั้น ในเชิงกฎหมายไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดของที่ดิน แต่ในทางปฏิบัติ ความน่าสนใจของผู้รับซื้อฝากมักขึ้นอยู่กับความคุ้มค่า
ถึงแม้กฎหมายเปิดทางไว้ การขายฝากจริง ๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะมุมมองของผู้รับซื้อฝาก เช่น
แม้จะขายฝากได้ แต่ที่ดินเล็กมักมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา
• มูลค่าไม่สูง ทำให้ค่าใช้จ่ายเป็นภาระ
ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และค่าอากรของกรมที่ดินมีอัตราตายตัว เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับมูลค่าที่ดินเล็ก ๆ อาจกินสัดส่วนเยอะจนเงินที่เหลือไม่คุ้ม
ตัวอย่าง: ที่ดิน 20 ตารางวา มูลค่า 200,000 บาท แต่ค่าธรรมเนียมและภาษีรวมแล้วเกือบ 10,000 บาท ทำให้เงินที่ได้จริงน้อยกว่าที่คาด
• ระยะเวลาไถ่ถอนอาจสั้น
ผู้รับซื้อฝากมักกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนไม่ยาวนัก เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากไม่ทันตามเวลาที่กำหนด อาจเสียสิทธิ์ในที่ดิน
• เงื่อนไขเข้มงวดกว่าปกติ
ผู้รับซื้อฝากอาจคิดดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนสูงขึ้น เพราะมองว่าที่ดินเล็กมีความเสี่ยงมากกว่า
• ความสนใจจากผู้รับซื้อฝากน้อย
ที่ดินเล็กบางครั้งอาจไม่ดึงดูดผู้รับซื้อฝากเพราะมูลค่าต่ำ หรือขายต่อได้ยาก ทำให้เจ้าของอาจต้องเจรจาหรือเสนอเงื่อนไขมากขึ้น
• ความยุ่งยากด้านเอกสารและกฎหมาย
แม้ที่ดินมีโฉนดหรือ น.ส.4 จ. หากมีข้อพิพาทเรื่องแนวเขตหรือสิทธิการใช้ทางเข้า-ออก ผู้รับซื้อฝากอาจลังเล
สรุปแล้ว ข้อจำกัดหลัก ๆ จะเกี่ยวข้องกับ มูลค่า เงื่อนไขไถ่ถอน ความสนใจจากผู้รับซื้อฝาก และความยุ่งยากด้านเอกสาร
ถ้าที่ดินเล็กไม่คุ้มในการขายฝาก ยังมีทางเลือกอื่น เช่น
เพื่อให้การขายฝากที่ดินเล็กคุ้มที่สุด เจ้าของสามารถใช้เทคนิคดังนี้